วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 6



บันทึกอนุทินครั้งที่ 6

วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิน
วันพุธ ที่ 11 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2558


เวลาเรียน 08.30 - 12.20 น.

        

    ความรู้ที่ได้รับ                                    
                                   

                        อาจารย์ให้ทำกิจกรรมวาดรูปมือที่อยู่กับตัวเองมาตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน ให้วาดโดยใส่ถุงมือไว้อีกข้างเพื่อดูว่าตัวเราสามารถจดจำรายละเอียดสิ่งที่อยู่กับเรามาตลอดมาหรือไม่ วาดเสร็จแล้วให้ถอดถุงมือดูว่าภาพที่วาดเหมือนของจริงไหม


ภาพมือของดิฉัน





  ภาพมือที่ดิฉันวาดออกมามีส่วนที่คล้ายมือจริงบ้าง บางส่วนยังจดจำรายละเอียดไม่ค่อยได้


     ภาพวาดมือตัวเองเปรียบได้กับเด็กเวลาเราอยู่กับเด็กต้องมีการจดบันทึกพฤติกรรมของเด็กไม่ใช่รอเวลาที่ว่างถึงจะจดบันทึกเพราะอาจจะทำให้ครูลืมได้ เหมือนภาพมือที่เราวาดขณะอยู่กับเรามาตลอดช่วงชีวิตเรายังจำลายละเอียดไม่ครบทุกอย่าง


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ที่คั่นเคลื่อนไหว
     เนื้อหาที่เรียนวันนี้  เรื่องการสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ
ทักษะของครูและทัศนคติ
-จะต้องมองเด็กให้เป็น ที่สำคัญอย่าไปแบ่งแยกเด็ก
-สายตาที่ครูมองเด็ด เด็กจะสัมผัสได้ว่าครูมองเขาเหมือนเช่นที่มองคนอื่นหรือเปล่า

การฝึกเพิ่มเติม
  • อบรมระยะสั้น , สัมมนา
  • สื่ิอต่างๆ
  • ถ้าเข้าสอนในโรงเรียนทางโรงเรียนจะจัดอบรมให้
การเข้าใจภาวะปกติ
  • เด็กมักคล้ายคลึงกันมากกว่าแตกต่าง
  • ครูต้องเรียนรู้, มีปฎิสัมพันธ์กับเด็กปกติและเด็กพิเศษ
  • รู้จักเด็กแต่ละคน
  • มองเด็กให้เป็น "เด็ก"
การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า
  • การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก  จะช่วยให้ครูสามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
  • มองเด็กให้ออกแล้วเก็บไว้ในใจ
  • เวลาสอนมองเด็กทุกคนอย่าชะงักที่ใครสักคนเพราะเด็กจะรู้ตัว
ความพร้อมของเด็ก
  • วุฒิภาวะ เด็กแต่ละคนจะต่างกัน
  • แรงจูงใจ เด็กแต่ละมีแรงจูงใจต่างกัน
  • โอกาส เด็กแต่คนมีโอกาสเท่าเทียมกัน
การสอนโดยบังเอิญ
  • ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม
  • เด็กเข้าหาครูมากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสสอนมากขึ้นเท่านั้น
  • เด็กพิเศษจะเข้ามาหาครูเพื่อขอความช่วยเหลือเวลาเขามีปัญญา  เช่น สีเทียนกุ้นเด็กจะมาขอความช่วยเหลือ ครูสามารถสอนโดยบังเอิญได้จากการแกะสี
  • ครูต้องพร้อมที่จะพบเด็ก
  • ครูต้องมีความสนใจเด็ก
  • ครูต้องมีความตั้งใจจริงในการช่วยให้เด็กแต่ละคนได้เรียนรู้
  • ครูต้องใช้เวลาในการติดต่อไม่นาน
  • ครูต้องทำให้เป็นเรื่องสนุกสนาน
  • ถ้าเด็กมาปรึกษาครูอย่าไปใช้เวลานานเกินกับเด็กคนใดคนหนึ่ง ต้องแบ่งเวลาให้ดี
อุปกรณ์
  • มีลักษณะง่ายๆ
  • ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
  • เด็กพิเศษได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบเด็กปกติ
  • เด็กปกติเรียนรู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กพิเศษ
ตารางประจำวัน
  • เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ
  • กิจกรรมต้องเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำนายได่้
  • เด็กจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง
  • การสลับกิจกรรมที่ิอยู่นิ่งๆ กับเคลื่อนไหวมากๆ

    ทัศนคติของครู

ความยืดหยุ่น
  • การแก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
  • ยอมรับขอบเขตความสามารถของเด็ก
  • ครูต้องตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเด็กต่ละคน
  • แผนการจัดประสบการณ์บางครั้งแผนที่เขียนมาไม่เหมาะสมต้องสามารถคิดแผนใหม่สดขึ้นมาสอนแทน
  • กิจกรรมที่เตรียมมาไม่เหมาะสมไม่ต้องดันทุลัง ต้องมีความยืดหยุ่นบ้าง
การใช้สหวิทยาการ
  • ใจกว้างต่อคำแนะะนบุคคลำในอาชีพอื่นๆ
  • สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน
  • ร้องให้เป็น  ร้องให้เก่ง  ร้องให้ตรงคีย์

    การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้

เด็กทุกคนสอนได้
  • เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดความสามารถ
  • เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
  • เด็กที่เรียนไม่ได้ส่วนใหญ่ขาดโอกาส

    เทคนิคการให้แรงเสริม
แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่
  • ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก
  • มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก
  • หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆก็จะลดลงและหายไป
  • ยิ่งมีแรงเสริมพฤติกรรมยิ่งเกิด
  • ครูต้องยืนใกล้ๆเมื่อเด็กคนนั้นเรียกร้องความสนใจเอง
วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมจากผู้ใหญ่
  • ตอบสนองด้วยวาจา
  • การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก
  • พยักหน้ารับ ยิ้ม ฟัง
  • สัมผัสทางกาย กอดเด็ก สัมผัสเด็ก
  • ให้ความช่วยเหลือ ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย
  • ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
  • ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีและทุกครั้งที่เด็กแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
  • ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
การแนะนำหรือบอกบท ( prompting )
  • ย่อยงาน
  • ลำดับความยากง่ายของงาน
  • การลำดับงานเป็นแรงเสริมเพื่อให้เด็กค่อยๆก้าวไปสู่ความสำเร็จ
  • การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
  • สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
  • วิเคาระห์งาน กำหนดจุดประสงย่อยๆในแต่ละขั้น
  • สอนจากง่ายไปยาก
  • ให้แรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้ หรือเมื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
  • ลดการบอกบท เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวไปขั้นต่อไป
การกำหนดเวลา
  • จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
ความต่อเนื่อง
  • พฤติกรรมทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมสย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน
  • เช่น การเข้าห้องน้ำ การนอนพักผ่อน การหยิบและเก็บของ การกลับบ้าน
  • สอนแบบก้าวไปข้างหน้า หรือย่อยมาจากข้างหลัง
  • ขั้นแรกให้น้องจำเอง น้องทำได้แล้วให้ทำขั้นสอง-ขั้นสามต่อไป 
เด็กตักซุป
   เป็นเรื่องยากมากสำหรับเด็กเพราะเด็กจะตักหก
  • การจับช้อน
  • การตัก
  • การระวังไม่ให้นำ้ในช้อนหกก่อนจะเข้าปาก
  • การเอาช้อนและซุปเข้าปากแทนที่จะทำให้หกรดคาง
  • การเอาซุปออกจากช้อนเข้าสู่ปาก
การลดหรือหยุดแรงเสริม
  • ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
  • ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
  • เอาอุปกรณ์หรืของเล่นออกไปจากเด็ก
  • เอาเด็กออกจากการเล่น


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ที่คั่นเคลื่อนไหว





    ก่อนหมดชั่วโมงเรียนอาจารย์สอนร้องเพลง และให้กลับไปฝึกฝนในการร้อง






การนำไปใช้ประโยชน์
               
                      จากที่อาจารย์สอนสามารถนำไปใช้ได้ในอนาคต รู้วิธีการย่อยงานให้กับเด็กพิเศษและที่สำคัญที่สุดคือ การจดบันทึกพฤิกรรมเด็กเพราะถ้าเราไม่จดเราอาจจะลืมเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นแล้วต้องมาเดาข้อมูลแทน

การประเมิน

ประเมินตนเอง
                   
              มีเรียนตรงต่อเวลา ชอบตอนอาจารย์สอนร้องเพลงเป็นพิเศษรู้สึกกระตือรือร้นมากค่ะ

ประเมินเพื่อน
               เพื่อนๆตั้งใจเรียน บางครั้งอาจจะชวนอาจารย์แวะข้างทางบ่อยครั้ง

ประเมินอาจารย์
                อาจารย์จะยกตัวอย่างในการเรียนทุกครั้ง อาจารย์จะให้เพื่อนแสดงเป็นตัวอย่างให้ดูทำให้เข้าใจมากขึ้น


          









                                                                                  












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น